ที่พักแนะนำในภูเก็ต

-


ชอบเรื่องนี้ช่วยกด Like กด Share ให้ด้วยนะครับ

รีวิว ไฮแอท รีเจนซี่ ภูเก็ต รีสอร์ท ที่พักหรูริมหาดกมลา กับการพักผ่อนที่สบายจนไม่อยากออกไปไหน

<<< Review Hyatt Regency Phuket Resort >>>



ไฮแอท รีเจนซี่ ภูเก็ต รีสอร์ท ที่พักสวยหรู ริมหาดกมลา
ทุกห้องพักสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของท้องทะเลอันดามันได้อย่างชัดเจน
จากห้องนอนและระเบียงนั่งเล่น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งความใส่ใจของรีสอร์ทแห่งนี้


พวกเราเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งนี้โดยไม่ได้ออกไปไหนเลย เพราะว่าการพักผ่อนครั้งนี้เน้นหากิจกรรมทำภายในรีสอร์ทอย่างเดียวล้วนๆ และที่นี่ก็ตอบสนองได้อย่างเต็มที่จริงๆ เช่นกัน

สำหรับรีวิวนี้ต้องขอเตือนว่า จัดเต็มเรื่องของอาหารมากๆ ครับ ห้องพักอาจมีให้ชมไม่มาก เพราะว่าห้องส่วนใหญ่เต็ม ก็เลยได้เข้าไปชมเพียงแค่ห้องเดียว และ อีกห้องก็คือห้องที่พวกเราพักเท่านั้นเองครับ


ล็อบบี้ที่นี่เค้าสวยอลังการ... อ้อจริงๆ ที่นี่เค้าอลังการหลายอย่างไม่ใช่แค่ที่ล็อบบี้ มีอะไรบ้างเดี๋ยวตามอ่านกันไปเรื่อยๆ นะครับ


Welcome Drink พร้อมผ้าเย็นเสิร์ฟทันที ที่หย่อนร่างกายลงบนเก้าอี้


ภาพที่สองของความอลังการตั้งอยู่ใกล้ๆ ล็อบบี้ คือ สระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่ใหญ่มากๆ จากที่หาข้อมูลมา ที่นี่คือสระว่ายน้ำใหญ่เป็นอันดับสองของรีสอร์ทในภูเก็ต แต่ถ้าย่านหาดกมลา ขอบอกว่าอันดับ 1 เลยล่ะครับ สระว่ายน้ำยาวมาก


หลังจากผ่านขั้นตอนการเช็คอินน์แล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะขอแวะไปชมความเว่อร์วังของสระว่ายน้ำแห่งนี้ซะหน่อย




เดี๋ยวไปติดตามชมห้องพักกันต่อเลยละกันนะครับ  ก่อนที่ห้องพักอีกแค่แบบเดียวที่เหลือจะถูกจองตัดหน้าไปซะก่อน


ห้องพัก

ห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 199 ห้อง โดยแบ่งออกเป็น 4 Room Type หลักๆ และแบ่งเป็น 12  Room Type ย่อยๆ ดังนี้ :
1. ห้อง Standard หรือ Guest Room
2. ห้อง Ocean View ( Ocean View Room , Ocean View Pool Room , Ocean View Terrace Room , Deluxe Two Bedroom )
3. ห้อง Deluxe Room (Deluxe Room , Deluxe Pool Room )
4. ห้อง Regency Club ( Regency Club Ocean View Room , Regency Club Ocean View Pool Room , Regency Club Ocean View Terrace Room , Regency Club Deluxe Room , Regency Club Deluxe Pool Room )

แต่จริงๆ แล้วบาง Room Type อาจจะมีแยกย่อยลงไปอีกนะครับ อย่างเช่นห้อง Deluxe ก็จะมีย่อยเป็น Deluxe King , Deluxe Pool King , Deluxe Two Bedroom

ห้องพักที่นี่จะถูกออกแบบให้สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างไม่บดบังกัน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างของรีสอร์ทแห่งนี้


ห้องพักที่เราได้มีโอกาสเข้าไปชมคือห้องพักแบบ Standard และ อีกห้องที่พวกเราเข้าพักคือแบบ Club ดังนั้น รีวิวนี้จึงมีภาพให้ชมเพียงแค่ 2 Room Type เท่านั้นนะครับ ส่วนถ้าใครต้องการชมห้องพักประเภทอื่นๆ ก็เข้าไปชมได้ที่เว็บของทางรีสอร์ทได้โดยตรงนะครับ



ห้อง Standard Room
ห้องพัก Type แรกของที่นี่แต่ขนาดพื้นที่ไม่ได้เล็ก ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมที่ใหญ่ถึง 46 ตารางเมตร ทำให้ความรู้สึกแรกเมือเดินเข้ามา คือ มันกว้างๆๆๆ มาก นี่คือห้อง Type เริ่มต้นหรือนี่ เว่อร์วังอลังการอีกแล้วที่นี่...

ที่นอนหนานุ่มนอนสบายมากๆ
สำหรับหมอนของที่นี่เค้ามีให้เลือกเยอะครับ

สำหรับหมอนที่ set ไว้ให้ลูกค้าเป็นมาตรฐานของทุกห้องจะมีแบบ Soft และ แบบ Firm ซึ่งทั้ง 2 แบบจะเป็นหมอนขนเป็ดแต่ต่างกันที่ความแน่นของหมอน
ใบที่วางด้านบนจะเป็นหมอนขนเป็ดแบบ Soft
ส่วนใบที่วางด้านล่างจะเป็นหมอนขนเป็ดแบบ Firm

แต่เค้ามี Option ให้เพิ่มเติมนะครับสำหรับเรื่องหมอน คือ
1. Memory Foam Pillow เป็นหมอนที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
2. Allergic Pillow หมอนยัดไส้นุ่นสำหรับคนที่แพ้ขนเป็ด



โต๊ะทำงาน


สำหรับใครที่ชอบฟังเพลง ในห้องพักเค้ามีลำโพง JBL เตรียมไว้ให้ ต่อเข้ากับโทรศัพท์หรือ ipad ก็ได้ครับ เป็นแบบ bluetooth


ระเบียงด้านหลังกว้างมาก ปกติถ้าเจอระเบียงกว้างแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Type สูงๆ แล้วล่ะครับ อย่างน้อยต้องเป็นห้อง Suite ไปแล้ว แต่ที่นี่แค่ห้อง Standard ก็กว้างขนาดวิ่งเล่นได้เลย..






สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีให้ครบครัน ยิ่งเหลือบเข้าไปดูในห้องน้ำ โอ้โห กว้างมากๆ

พื้นที่ภายในห้องน้ำ ก็กว้างมากๆ เช่นกัน
ความรู้สึกเหมือนที่รีสอร์ทแห่งนี้เค้าพรีเซ็นท์ ความอลังการในทุกๆ เรื่องจริงๆ





ห้อง Club Room
ห้องพักประเภทนี้จะถูกแบ่งย่อยๆ ไปอีกเยอะเลยล่ะครับ แต่เอาเป็นว่าผมขอพูดถึงเรื่องสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าพักให้ห้องแบบ Club ละกันครับ สำหรับตัวห้องพักนี่แน่นอนว่ากว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันอยู่แล้ว

การออกแบบภายในห้องพักดูเรียบๆ แต่เน้นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอย 


ห้องน้ำใหญ่จริงๆ อ่างล้างหน้าตั้งอยู่ห่างกันแบบนี้ ไม่ใช่เทคนิคในเรื่องของเลนส์ถ่ายภาพใดๆ เลย


ห้องพักนี้จะมีส่วนมุมโซฟานั่งเล่นพร้อมโต๊ะทำงาน



Welcome Fruit ของที่นี่เค้าจะแตกต่างจากที่อื่น เพราะเค้าใช้เป็นผลไม้แห้งแทน


Amenities ของที่นี่เค้ามีให้เยอะเท่าที่จำเป็น ตามมาตรฐานโรงแรมระดับ 4 ดาว แต่ถ้าใครต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งได้นะครับ หรือถ้าหากผู้เข้าพักเป็นผู้หญิงล้วนๆ ทางรีสอร์ท เค้าก็จะจัดของใช้ต่างๆ สำหรับผู้หญิงไว้ให้เลย


สุขภัณฑ์ยี่ห้อนี้ ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักตามโรงแรมหรือรีสอร์ท ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านส่วนตัวของคนที่มีกะตังค์ แต่ที่นี่เลือกใช้ถือว่าสุดยอดมาก


แย้มตู้เสื้อผ้าดูซะหน่อย มีเตารีด ที่รองรีด ตู้นิรภัย ไฟฉาย กระเป๋าใส่ของ ส่วนเสื้อคลุมอาบน้ำจะแขวนไว้ในห้องน้ำ


ระเบียงด้านหลังกว้างมาก นอกจากจะมีโซฟาเบด สำหรับนั่งดูวิวแล้วยังสามารถตั้งโต๊ะทานอาหารสำหรับ 6 คน ได้เลย


วิวจากระเบียงห้องพัก มองเห็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ และ ท้องฟ้า ท้องทะเลได้อย่างสวยงามจริงๆ




อาหารเช้า และ ห้องอาหารภายในรีสอร์ท

ห้องอาหารที่ Hyatt Regency Phuket Resort มีให้บริการทั้งหมด 3 แห่งด้วยกันดังนี้
  1. The Pool House ห้องอาหารหลัก เปิดให้บริการอาหารเช้่า อาหารกลางวัน และ อาหารเย็น
  2. The Pool Bar บาร์ริมสระว่ายน้ำใหญ่
  3. Sunset Grill ห้องอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน สำหรับทานดินเนอร์ ชมบรรยากาศยามเย็น




ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงราว มีนาคม ของทุกปี จะเป็นช่วงที่ท้องฟ้าของจังหวัดทางฝั่งทะเลอันดามันสดใสที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ฝนไม่ค่อยตก ทำให้ฟ้าสวยมาก

และเช้านี้ก็เช่นกัน



เนื่องด้วยด้านหน้าของตัวรีสอร์ท หันไปทางทิศเหนือ ทำให้พระอาทิตย์จะขึ้นทางด้านขวาของรีสอร์ท และ ตกทางด้านซ้ายของรีสอร์ท เราจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ที่ตกลงทะเล หรือ ขึ้นจากทะเลโดยตรง

แต่เราสามารถชมความสวยงามของช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ได้เหมือนกันทั้ง 2 เวลาเลยล่ะครับ ท้องฟ้าในช่วงเช้าและช่วงเย็นจะเป็นสีม่วง อมชมพู อมส้ม ทำให้ไม่ว่าเราจะตื่นแต่เช้าเพื่อมาเก็บภาพช่วงพระอาทิตย์ หรือ จะรอช่วงเย็น เราจะได้ภาพที่สวยเหมือนกัน แต่เท่าที่ดู ช่วงเย็นจะสวยกว่าหน่อยนึงครับ

ยามเช้าจะมีหมอกลอยละเลี่ยเนินเขาที่อยู่ไม่ห่างจากตัวรีสอร์ทออกไป
ความรู้สึกเหมือนอยู่ทางเหนือเลย


ผมตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูไลน์อาหารที่ Regency Club
ซึ่งโซนนี้จะเป็นโซนเฉพาะสำหรับผู้ที่เข้าพักในห้องพักแบบ Regency Club เท่านั้นน่ะครับ

ซึ่งที่นี่จะสะดวกสำหรับคนที่ทานอาหารเช้าไม่มากนัก
หรือไม่อยากลงไปเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำใหญ่ ที่ Regency Club ก็มีสระว่ายน้ำขนาดย่อม ให้ลงไปว่ายเล่นได้เช่นกัน


ภายในห้องทานอาหารของ Regency Club

บริเวณสระว่ายน้ำ วิวสวยมากๆ เพราะว่า Regency Club จะตั้งอยู่ด้านบนของตัวรีสอร์ท ทำให้มองเห็นวิวได้อย่างสวยงาม



เดินดูไลน์อาหารที่ห้อง Regency Club กันซะหน่อย

ที่ Regency Club จะมีอาหารแบบเบาๆ เช่นขนมปัง นม โยเกิร์ต ซาลาเปา

แต่ถ้าใครต้องการทานเยอะกว่านี้ ต้องลงไปทานที่ห้องอาหารด้านล่าง ชื่อว่า The Pool ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสระว่ายน้ำ








ผมเดินดูไลน์อาหารเช้าที่ Regency Club เสร็จแล้ว ก็ลงไปทานอาหารเช้าที่ The Pool House เพราะดูแล้วที่นั่นจะมีอาหารเช้าที่หลากหลายมากกว่า

สำหรับพื้นที่ของตัวรีสอร์ท จะเป็นทางเดินค่อนข้างชัน
ใครไม่อยากเดินก็สามารถโทรศัพท์เรียกรถบั๊กกี้ให้มารับที่ห้องพัก แล้วพาไปส่งที่ห้องอาหารเช้าก็ได้ครับ







The Pool House
สำหรับที่ห้องอาหาร The Pool House เค้าเน้นเสิร์ฟเป็นอาหารไทย ซึ่งเมนูขึ้นชื่อมีหลายอย่าง เดี๋ยวผมพาไปทานอีกทีช่วงกลางวัน ตอนนี้เราไปดูอาหารเช้ากันก่อนครับ

ไลน์อาหารเช้ามี่นี่มีค่อนข้างหลากหลายและรสชาติอร่อยมากๆ



มีไข่พะโล้ด้วย ปกติไม่เคยเห็นเลย ที่นี่คือที่แรก

ผัดไทย

ข้าวต้มทรงเครื่อง

บะหมี่น้ำลูกชิ้น

Egg Benedict



หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็นั่งๆ นอนๆ พักผ่อนตามจุดต่างๆ บริเวณสระว่ายน้ำเนี่ยแหละครับ
เพราะเค้ามีที่นั่งให้เราได้นั่งพักเยอะจริงๆ




สำหรับมื้อกลางวันเราก็ฝากท้องกันที่ห้องอาหาร The Pool House เช่นเคยครับ
เรามาดูว่ามีเมนูแนะนำอะไรกันบ้างครับ

ข้าวผัดเอราวัณ เป็นข้าวผัดน้ำพริกเผา ผัดคลุกและโรยหน้าด้วยเนื้อปู

คอหมูย่าง หมักด้วยซอสสมุนไพร


ฉูฉี่กุ้งแม่น้ำ ตัวโตมากๆ



เต้าหู้เสวย ราดด้วยซอสน้ำมะขาม กับ พีนัทซอส


ยำส้มโอ เมนูนี้แปลกดีครับ อร่อยดี เพิ่งเคยทานครั้งแรกเลย

  
ปิดท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง






The Pool Bar
สำหรับใครที่ต้องการพักผ่อนชิลล์ๆ จิบ คอกเทล เบียร์ ไวน์ หรือ เครื่องดื่มเย็นๆ ทั่วไปอย่างชาเย็น ก็สามารถมานั่งแฮงค์เอ้าท์บาร์ริมสระว่ายน้ำ


พอตกค่ำ ก็ขึ้นมาจองโต๊ะ ตรงหัวมุม สำหรับชมวิวสวยๆ พร้อมทานอาหารอร่อยๆ ที่ห้องอาหาร Sunset Grill กันต่อเลยครับ ขอแนะนำว่าให้มาถึงช่วงประมาณ ไม่เกิน 6 โมงเย็นนะครับ เพราะว่าจะได้ชมบรรยากาศของท้องฟ้า ช่วงพระอาทิตย์ตกได้สวยมากๆ


ที่ Sunset Grill จะมีที่นั่งแบบ indoor และ outdoor






จากห้องอาหาร Sunset Grill สามารถมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำใหญ่ ด้านหน้ารีสอร์ท ได้อย่างสวยงาม


หลังจากชมบรรยากาศที่สวยงามช่วงพระอาทิตย์แล้วก็มาทานอาหารกันต่อเลย

จิบไวน์แดงบำรุงหัวใจซะหน่อย :-)


เริ่มต้นกันเบาๆ กับขนมปัง


Soft Shelf Crab Salad หรือ สลัดปูนิ่ม


Grilled Squid, Ginger, Garlic Confit
ปลาหมึกย่าง เนื้อปลาหมึกสดๆ ย่างคลุกกับเครื่องเทศอาทิ ขิง กระเทียม และ พริกไท


King Prawns Flambeed with Chalong Bay Rum, Garlic Parsley


Grilled Local Asparagus, Parmesan


BBQ Marinated Park Ribs


Chateaubriand and Wild Mushrooms สำหรับเมนูนี้เป็นเมนูไฮไลท์เลยครับ อร่อยมากๆ ปกติไม่ค่อยชอบทานเนื้อเท่าไหร่ ยิ่งเนื้อไม่สุกยิ่งไม่ทานเลย แต่มื้อนี้ ทานไม่เหลือเลยครับ ซึ่งนอกเหนือจากตัวเนื้อที่มีกลิ่นหอมไม่เหนียว เคี้ยวง่ายแล้ว ที่เด็ดคือ เห็ดที่ว่ากันว่าเป็นเห็ดที่เชฟคัดสรรมาเป็นพิเศษและเป็นเห็ดที่สั่งนำเข้ามาโดยเฉพาะ

หลังจากทานอาหารคาวกันเรียบร้อยแล้ว ก็มาต่อที่อาหารหวานกันบ้างครับ


Banana and Chocolate Tarte-Tatin , Chocolate Crumble

และที่ชอบมากๆ คืออันนี้เลยครับ

Sorbet : Mango เป็นไอศครีมที่ทำจากเนื้อมะม่วง และ ทำออกมาเป็นลูกมะม่วงเลย ซึ่งเค้าจะมี Sorbet ที่เป็นมะพร้าวด้วยอีกอันนึง




ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าพักที่ Hyatt Regency Phuket Resort

อย่างที่บอกเลยครับว่าการพักผ่อนที่ ไฮแอท รีเจนซี่ ภูเก็ต รีสอร์ท ครั้งนี้พวกเราใช้ชีวิตอยู่แต่ในรีสอร์ท ไม่ได้ออกไปไหนเลย ทั้งกิน ทั้งนอน ทั้งกิจกรรมต่างๆ อยู่ภายในรีสอร์ทล้วนๆ

ลองมาดูกันครับว่าที่นี่เค้ามีอะไรให้ทำบ้าง ทำไมพวกเราถึงใช้ชีวิตกันอยู่แต่ในรีสอร์ท ไม่ยอมออกไปไหนเลย


อันดับแรกเลยคือ nahm Spa แต่ผมขอยกหน้าที่การเขียนบรรยายเกี่ยวกับสปา ให้กับ ผู้ใช้บริการโดยตรงมาเขียนแทนละกันนะครับ จำได้ว่าพอออกมาจากห้องสปา พูดคำแรก สปาที่นี่เยี่ยมมากๆๆๆๆๆๆ รู้สึกสบายสุดๆ วิวก็สวย

เชิญอ่านความคิดเห็นเกี่ยวกับสปาของที่นี่ จากด้านล่างนี้ละกันครับ


    nahm SPA  (หรือ "น้ำ สปา" )เปิดให้บริการ 09:00 น. - 22:00 น.
    ที่ตั้งของ nahm SPA ตั้งอยู่ด้านบน ของรีสอร์ท ห้องทรีทเมนต์จะแยกเป็นห้องส่วนตัวเห็นวิวทะเลจากด้านบนอย่างสวยงาม


  เมื่อเข้ามาด้านในสปาแล้วจะมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการและให้คำแนะนำเกียวกับทรีทเมนต์ให้เรา

 บรรยากาศภายในห้องทรีทเมนต์ วิวสวยเกินคำบรรยาย ...ยิ่งตอนทำทรีทเมนต์เสร็จประมาณช่วงพระ  อาทิตย์ตกซัก 6 โมงเย็น จะเห็นท้องฟ้าเป็นสีส้มอมชมพู ตัดกับน้ำทะเล สวยงามมากจริงๆ

ผลิตภัณฑ์สปาของต่างประเทศที่ใข้นั้นเป็นของแบรนด์ JUNE JACOBS จากอเมริกา


สำหรับแพคเกจสปาที่ได้ใช้บริการในครั้งนี้ คือ nahm thong special package ชึ่งใช้เวลาทำทรีตเมนต์รวม 120 นาที

nahm thong special package เป็นการนวดแบบผสมผสาน เริ่มด้วยการนวดสครับทั่วตัวก่อน 60 นาทีแรก ชึ่งจะช่วยให้ผ่อนคลายและบำรุงผิวพรรณไปด้วย   จากนั้นนวดต้วยน้ำมันเทียนที่มีส่วนผสมของทองคำ อีก 60 นาที  น้ำมันเทียนนี้จะมีความอุ่น เมื่อนำมานวดตัวแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายมากๆ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องระบบการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลืองในร่างกาย

หลังจากได้ลองทำทรีตเมนต์ nahm thong special package ครบ 120 นาที แล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นการนวดที่ผ่อนคลายที่สุดเท่าที่ตัวเองได้เคยลองนวดมา โดยเฉพาะความอุ่นจากน้ำมันเทียน เมื่อมาลูบไล้นวดบนร่างกายเรายิ่งช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายดีจริงๆ

nahm thong special package  เป็นแพคเกจโปรโมชั่นที่จัดขึ้นมาพิเศษในช่วงนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559   , ราคา 4,900 บาทต่อท่าน ต่อแพคเกจ  หากสนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ nahm spa



หลังจากนวดเสร็จแล้ว ก็มาดื่มน้ำสมุนไพรอุ่นๆ เสริฟพร้อมขนมพื้นเมืองภูเก็ต เรียกว่า บี่พ้าง ลักษณะคล้ายๆข้าวพองทอดกรอบ รสชาติอร่อย หอมมันดี





สำหรับผมและเจ้าตัวเล็กระหว่างรอทางคุณหมูน้อย เข้าห้องสปา พวกเราก็มาใช้เวลาอยู่ที่ Kid's Club ซึ่งพอเดินเข้าไปใน Kid's Club ต้องร้องโอ้โห ทำไมมันกว้างขนาดนี้ เด็กๆ ชอบมาก วิ่งได้เป็นทางยาวเลย ภายใน Kid's Club เค้ามีของเล่นให้เยอะพอสมควรเลยครับ กับเวลา 2 ชั่วโมง ที่อยู่กันในนี้ ก็มีอะไรให้เล่นได้ตลอดเวลาเลย

และที่สำคัญ Kid's Club ของที่นี่เค้าได้รับรางวัล อันดับที่ 5 ในส่วนของ Best Family Resort จากเว็บไซต์ Holidays with Kids จากประเทศออสเตรเลียอีกด้วยล่ะครับ





สำหรับคนรักสุขภาพก็เชิญที่ห้อง Fitness Center เลยครับ เครื่องออกกำลังกายให้เลือกเล่นเยอะเลย



Swimming Pool สระว่ายน้ำขนาดใหญ่อย่างกับสระว่ายน้ำโอลิมปิคเลยล่ะครับ สระว่ายน้ำจะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวรีสอร์ท ที่ตัวสระจะมีโซนที่เด็กเล็กสามารถลงเล่นได้ เพราะจะไว้เป็นลานตื้นๆ 






หรือหากใครพักในห้องพักแบบ Regency Club ก็สามารถมาเล่นน้ำที่บริเวณ Regency Club ซึ่งจะเป็นสระว่ายน้ำเฉพาะสำหรับผู้เข้าพักแบบ Regency Club เท่านั้น ซึ่งที่นี่เค้ายังมี Complimentary อื่นๆ อย่างพวกเครื่องดื่ม ไว้คอยให้บริการอีกด้วย ยังไงสอบถามที่เจ้าหน้าที่ดูนะครับ จะได้ไม่พลาดสิทธิพิเศษนี้ไป



เดินเล่นริมชายหาดกมลา 
ถึงแม้ว่าบริเวณชายหาดกมลาช่วงที่อยู่ด้านหน้ารีสอร์ท จะไม่ได้มีหาดทรายละเอียด หรือ น้ำทะเลใส เหมือนกับหาดกมลาช่วงอื่น แต่ก็สามารถลงมาเดินเล่นกันได้ครับ บรรยากาศดี ใช้ได้เลยครับ แต่ถ้าจะลงเล่นน้ำทะเลคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะว่าหินบริเวณริมหาดเยอะมากเลยครับ




สำหรับทริปนี้ของพวกเราการใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ท กับกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ รวมถึงของกินอร่อยๆ ก็แทบไม่อยากออกไปที่ไหนแล้วล่ะครับ




ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าพักที่ Hyatt Regency Phuket Resort


  1. ที่พักออกแบบได้ดี ตัวอาคารแต่ละหลังไม่บดบังวิวกัน ทำให้สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ได้จากระเบียงของทุกห้องพัก
  2. พื้นที่ภายในห้องพักใหญ่มาก รู้สึกสบายไม่อึดอัด
  3. การบริการดี พนักงานยิ้มแย้ม ต้อนรับ และ ทักทายเป็นอย่างดี
  4. อาหารอร่อยมากๆๆๆ ทั้งอาหารไทย และ อาหารฝรั่ง รวมถึงอาหารเช้าที่มีให้เลือกหลากหลาย
  5. ภายในรีสอร์ท มี Facilities ให้ครบครัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องออกไปหาอะไรทำข้างนอกรีสอร์ทเลย
  6. สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ว่ายได้สระใจเลย
  7. วิวสวย โดยเฉพาะช่วงเย็น ต้องไปนั่งที่ห้องอาหาร Sunset Grill ประมาณ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป
  8. น่าเสียดายที่ชายหาดด้านหน้ารีสอร์ท หาดไม่สวย ทำให้ลงไปเล่นน้ำทะเลไม่ได้ แต่บรรยากาศทั่วไปถือว่าโอเค ถ้าแค่ต้องการไปนั่งริมหาดชิลล์ๆ หากใครต้องการไปเล่นน้ำที่หาดกมลา ตรงโซนที่สวยๆ ทางรีสอร์ทเค้ามีรถให้บริการรับ-ส่ง


เช็คราคาและการจองห้องพัก

ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 4,900 - 13,000 บาท
หมายเหตุ : ราคาอาจะมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเข้าพัก


เช็คห้องว่างและราคาได้ที่นี่






ไฮแอท รีเจนซี่ ภูเก็ต รีสอร์ท
16/12 หมู่ 6 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต 83150
โทร. 076-231-234
แฟกซ์. 076-231-233



แผนที่ Hyatt Regency Phuket Resort
พิกัด GPS 7.947132, 98.270311



คลิก Like เพื่อติดตามข้อมูลท่องเที่ยวจากพวกเราได้ที่นี่

บทความที่ได้รับความนิยม