เที่ยวภูเก็ต: รีวิว อยากให้เวลาหมุนไปช้าๆ ณ ที่พักดุจสรวงสวรรค์แห่งนี้ที่ ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต

รีวิว อยากให้เวลาหมุนไปช้าๆ ณ ที่พักดุจสรวงสวรรค์แห่งนี้ที่ ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต

<<< Review Paresa Resort Phuket >>>

การพักผ่อนที่ให้ความรู้สึกดุจดั่งอยู่บนบรมสรวงสวรรค์ หรือ สวรรค์ของสรวงสวรรค์ทั้งปวง คือ คอนเซ็ปของ ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต ซึ่ง ทันทีได้ยินคอนเซ็ปของที่นี่ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ก่อนที่จะมาเข้าพัก และ หลังจากที่ได้มีประสบการณ์การเข้าพักที่ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต แล้ว ผมขอพูดได้เต็มปากเลยล่ะครับว่า ที่นี่คือสวรรค์ของสรวงสรรค์ทั้งปวงจริงๆ

ที่นี่สวยและพิเศษอย่างไรตามมาชมภาพบรรยากาศกันเลยดีกว่าครับ

กับการเข้าพักแบบ Heaven of All Heavens

หลังจากผ่านขั้นตอนการเช็คอินน์เรียบร้อยแล้ว แขกผู้เข้าพักทุกคนต้องเดินมาเคาะฆ้องอันนี้ เพื่อเป็นการเข้าสู่ดินแดนแห่งสรวงสวรรค์อย่างเป็นทางการ

หลังจากตีฆ้องแล้ว ก็เปิดประตูบานใหญ่ออกมาจะเจอกับลานกว้าง ซึ่งเป็นพื้นกระเบื้องโมเสกสีทองระยิบระยับ ส่วนพื้นที่ด้านล่างเป็นพื้นหญ้าสีเขียว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Miracle Lawn

พื้นที่บริเวณนี้จะใช้เป็นสถานที่จัดงานต่างๆ เช่นงานแต่งงาน

มุมสนามหญ้ามองย้อนกลับไปที่ประตูที่เพิ่งเปิดออกมา

ทางด้านขวาเป็นลิฟท์สำหรับลงไปที่ชั้นห้องอาหารของทางรีสอร์ท หน้าประตูลิฟท์จะเป็นรูปเหล่าเทวดานางฟ้า ซึ่งคอนเซ็ปอีกอย่างของที่ ภารีสา รีสอร์ท คือ เหล่าบรรดาทีมงานของที่นี่จะถูกเรียกว่า Angel Team ซึงเป็นเหมือนกับเหล่า เทวดา นางฟ้า ที่คอยดูแลลูกค้าทุกคนอยู่บนสรวงสวรรค์แห่งนี้

รถบั๊กกี้มารับเพื่อพาไปส่งที่ห้องพัก

เดี๋ยวตามไปชมบรรยากาศของห้องพักกันต่อเลยครับ

ห้องพัก

ห้องพักที่ ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต มีหลายแบบดังนี้ครับ

Talay Pool Suite
Aqua Pool Suite
Cliff Pool Villa
Dima Spa Pool Suite
Cielo Pool Residence
Grand Villa 3 Bedrooms
Grand Villa 4 Bedrooms

นอกจากนั้นยังมีวิลล่าอีก 2 หลัง ที่ไม่ได้เป็นของ ภารีสา รีสอร์ท แต่ได้รับการดูแลและบริหารโดยทีมงานของ ภารีสา รีสอร์ท ซึ่งวิลล่าทั้งสองหลังนี้จะตั้งอยู่ห่างออกไปจากตัวรีสอร์ทประมาณ 10 นาที
Villa Amanzi
Villa Saan

สำหรับการเข้าพักครั้งนี้ พวกเราเข้าพักในห้องพักแบบ Dima Spa Pool Suite และ มีโอกาสได้เข้าไปเก็บภาพบรรยากาศของห้องพักแบบ Cielo Pool Residence, Cliff Pool Villa และ Villa Saan ส่วนห้องพักประเภทอื่นๆ เต็มครับ เลยไม่สามารถเข้าไปเก็บภาพมาให้ชมกันได้

ห้องพักทุกหลังจะถูกออกแบบให้สามารถมองเห็นวิวของท้องทะเลได้อย่างสวยงาม ไม่บดบังกัน

ห้องพัก Dima Spa Pool Suite

ก่อนอื่นขอพาเข้ามาชมบรรยากาศในห้องพักแบบที่เราพักในครั้งนี้ก่อนเลยละกันครับ

ห้องพักนี้มีชื่อ Dima Spa Pool Suite

ที่ห้องพักนี้มีคำว่า Spa ด้วยเพราะว่า ภายในห้องพักประเภทนี้จะมีเตียงนอนสำหรับนวดสปา และ มีห้องซาวน่า ให้ในตัวเลยล่ะครับ

ภายในห้องนอนกว้างมาก ด้านข้างเป็นผนังกระจกบานใหญ่ สามารถเปิดบานเลื่อนและเดินลงสระว่ายน้ำได้เลย

จากเตียงนอนสามารถมองเห็นวิวท้องทะเลได้อย่างสวยงาม

ภายในห้องออกแบบลักษณะเล่นระดับ ชั้นบนเป็นโซฟาแบบ Day bed ขนาดใหญ่

มี Welcome Fruit วางไว้ให้ เลยปลอกทานซะหน่อย

แถมด้วยขนมอีกถุงนึง

เครื่องชงกาแฟ สำหรับส่วนนี้เป็น Complimentary ภายในห้องพักครับ

จากตัวห้องนอนเปิดประตูเข้ามาด้านใน จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องสปา สระว่ายน้ำ คือเรียกได้ว่า โซนนี้เป็นโซนกิจกรรม และ โซนพักผ่อนชิลล์ๆ เลยล่ะครับ

พื้นที่ทั้งหมด 210 ตารางเมตร สำหรับห้องพักแบบ Dima Spa Pool Suite ซึ่งถือว่ากว้างมากๆ

โซนห้องน้ำ อ่างล้างหน้า จะเป็น Outdoor ทั้งหมด

ในส่วนของ Amenities ก็จมีแยกให้เป็นถุงใส่ของใช้สำหรับผู้ชาย และ ผู้หญิง

ที่นี่จะใช้ของยี่ห้อ Thann ซึ่งกลิ่นหอมมากๆ

ห้องพักมีส่วนของเตียงสปา และ ห้องซาวน่า เราสามารถโทรเรียกพนักงานให้มาทำสปาที่ห้องพักได้เลย ไม่ต้องเดินทางไปที่ห้องสปา..

เข้าห้องพักมาแล้วก็ใช้เวลาให้คุ้มค่าเลยครับ ลงแช่น้ำในอ่างอาบน้ำกลางสระว่ายน้ำกันเลย

จริงๆ แล้วห้องพักนี้ค่อนข้างจะเหมาะกับคู่รักมาฮันนีมูนกันมากๆ เลยนะครับ ถ้าเป็นครอบครัวมีเด็กเล็กมาด้วยก็ต้องใช้ความระมัดระวังกันเป็นพิเศษซักหน่อย เพราะว่า พื้นที่จะเป็นสระว่ายน้ำซะส่วนใหญ่

ยามเย็นมานั่งชมพระอาทิตย์ตกสวยๆ จากห้องพักเลย

ห้อง Cliff Pool Villa

ส่วนตัวความรู้สึกแรกที่เข้าไปห้องนี้ รู้สึกว่าเป็นห้องที่สวย และมีขนาดพื้นที่ใช้สอย รวมถึงการจัด lay out ต่างๆ ค่อนข้างลงตัว และ เหมาะสำหรับการเข้าพักแบบ 2 คน มากๆ

จากเตียงนอนสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจน

บริเวณระเบียงค่อนข้างกว้าง สำหรับออกมานั่งจิบกาแฟ ชมวิวสวยๆ ของทะเลอันดามันได้อย่างเต็มตา แถมบางทีอาจจะได้ยินเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งบริเวณด้านล่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหาดกมลาด้วยล่ะครับ

ห้องพักประเภทนี้จะมีส่วนของศาลานั่งเล่นแยกออกมาจากตัวห้อง ซึ่งเป็นศาลาแบบเปิดโล่ง ทำให้สามารถมองเห็นวิวได้โดยรอบ

โดยเฉพาะวิวด้านหน้า สวยมากๆๆๆๆๆๆ เลยล่ะครับ

ห้อง Cielo Pool Residence

ห้อง Cielo ซึ่งเป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า ท้องฟ้า ห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่มากๆ โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวมทั้งหมดราว 660 ตารางเมตรเลยทีเดียว

นอกจากพื้นที่ห้องซึ่งกว้างมากๆ แล้ว ส่วนของเพดานยังถูกออกแบบให้เป็นเพดานสูง ยิ่งทำให้รู้สึกว่าห้องโปร่งมากขึ้นไปอีก เนี่ยแหละครับสวรรค์จริงๆ เลย

วิวจากเตียงนอนออกไปจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแบบ infinity edge

ภายในห้องพักมีเครื่องเสียง ipod ให้ ซึ่งมีเฉพาะห้องแบบ Cielo Room Residence เท่านั้นครับ ห้องอื่นไม่มี

สำหรับห้องพักประเภทนี้จะมี ส่วนของห้องนั่งเล่น และ ห้องทานอาหารแยกออกมาให้ด้วยนะครับ

ภายในห้องทานอาหาร มีโต๊ะทานอาหารที่มีเก้าอี้ให้ถึง 10 ตัวเลยทีเดียว

ซึ่งเหมาะกับการสังสรรค์กันแบบครอบครัว หรือ เพื่อนฝูงมากๆ

สระว่ายน้ำขนาดความยาว 10 เมตร

Villa Saan

สำหรับ Villa Saan จะเป็นบ้านพักแบบเป็นหลัง ซึ่งทั้งหลังจะมีทั้งหมด 6 ห้องนอน โดยจะมีห้อง Master Bedroom อยู่ชั้น 2 ของฝั่งขวามือ

บรรยากาศห้อง Master Bedroom

จริงๆ แล้วห้องพักทุกห้องสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของทะเลอันดามันได้อย่างชัดเจน แต่ห้อง Master Bedroom อาจจะพิเศษตรงที่มี อ่างอาบน้ำแบบ Outdoor และ สระว่ายน้ำเล็กๆ ส่วนตัว

มาดูห้องพักห้องอื่นๆ กันบ้างครับ ห้องนี้อยู่ชั้น 2 เหมือนกันครับ ซึ่งจะตกแต่งคล้ายๆ กับห้อง Master Bedroom เลย ครับ แต่ไม่มี อ่างอาบน้ำแบบ Outdoor และ สระว่ายน้ำส่วนตัว

แต่ห้องนอนทุกห้องจะมีห้องน้ำภายในห้องเหมือนกันหมดครับ

ส่วนห้องนอนนี้เป็นห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างลงมา แต่วิวก็สวยไม่แพ้กันเลยครับ ต่างกันตรงที่การตกแต่งห้อง ที่ดูเรียบง่ายไม่เยอะเหมือนกับห้องที่อยู่ชั้นบน

ห้องที่เป็นเตียง Twin ก็มีครับ

อันนี้เป็นระเบียงจากห้องที่อยู่ชั้นล่าง สวยงามไม่แพ้กันจริงๆ

วิลล่าแห่งนี้จะมีสระว่ายน้ำขนาดความยาว 20 เมตร ให้ เป็นแบบ infinity edge ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้แหละครับ ที่จะเป็นจุดศูนย์รวมของสมาชิกทุกคน

หรืออาจจะมานั่งดูนั่งกันในห้อง Home Theater ก็ได้ครับ เค้ามีจอขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องเสียงแบบ surround และที่นั่งสบายๆ ให้ได้นั่งกันเพลินๆ

ห้องฟิตเนส ที่ออกกำลังกาายไป ชมวิวสวยๆ ไป

ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่

สำหรับ Villa Saan จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เดียวกับ Paresa Resort นะครับ เราต้องขับรถมาอีกประมาณ 10 นาที แต่ที่นี่เค้าได้รับการบริหารและดูแลโดยทีมงานของ Paresa Resort ซึ่งลักษณะคือ วิลล่าหลังนี้เวลาเรามาพัก สามารถจุได้ราว 10-12 คน เพราะห้องมี 6 ห้องนอน การเข้าพักที่นี่จะไม่ได้มีอาหารเช้าให้ เราต้องซื้อเข้ามา หรือ เอามาทำทานกันเอง แต่เราสามารถใช้บริการ แม่บ้านของทาง Paresa Resort ให้ช่วยทำอาหารให้ได้ รวมถึงจะมีพนักงานของ Paresa Resort มาประจำอยู่ที่นี่คอยดูแล และ ให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ

ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีสมาชิกหลายๆ คน การมาเช่า วิลล่า ทั้งหลังแบบนี้พักกันถือว่าคุ้มมากๆ เลยนะครับ

ชมห้องพักกันครบเท่าที่มีเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเล่นกันซักหน่อยครับ

ถ้าไม่อยากให้ใครรบกวน ก็ให้วางกล่องสี่เหลี่ยมนี้ไว้หน้าประตูด้วยนะครับ เป็นสัญลักษณ์ว่า Do Not Disturb

เดินชมบรรยากาศช่วงค่ำกันซักพัก

บริเวณล็อบบี้ที่นี่เค้าจะเปิดเพลงเจ้าแม่กวนอิมเบาๆ ฟังแล้วเพลินๆ รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าใครเคยฟังคงนึกออกนะครับ เพลงจะออกแนวจีนๆ ฟังสบายๆ

บริเวณด้านหน้าทางเข้า ดูจากด้านหน้าเหมือนรีสอร์ท ไม่ใหญ่เท่าไหร่นะครับ แต่เข้าไปด้านในแล้ว ผิดกันเลย

มานั่งชมพระอาทิตย์ตก ที่ Miracle Lawn ท้องฟ้าในช่วงพระอาทิตย์ตกที่นี่สวยงามมากๆ เลยล่ะครับ

อาหารเช้า และ ห้องอาหารภายในรีสอร์ท

ตื่นแต่เช้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์บริเวณระเบียงห้องนอน

ท้องฟ้าสีกำลังสวยเลย

และเนื่องจากพระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นทางฝั่งนี้ ทำให้เช้าๆ แดดไม่ร้อน ออกมานอนเล่นที่ระเบียงได้อย่างสบาย

เนื่องจากห้องพักของพวกเราอยู่ไม่ห่างจากห้องอาหารมากนัก พวกเราเลยไม่ได้เรียกใช้บริการรถบั๊กกี้ เพราะส่วนหนึ่งอยากเดินไปเรื่อยๆ ชมบรรยากาศสวยๆ ยามเช้าของบริเวณรีสอร์ทไปด้วย

สำหรับห้องอาหารของทางรีสอร์ท จะมีชื่อ 2 ชื่อ แต่อยู่ในสถานที่เดียวกัน คือ Diavolo และ Talung Thai (ตะลุงไทย) ซึ่งคอนเซ็ปคือเค้ามีบริการอาหารไทยและอาหารต่างชาติในสถานที่เดียวกันครับ

มาถึงห้องอาหารแต่เช้า ก็เลือกที่นั่งริมๆ เลยครับ โดยเฉพาะตัวหัวมุมนั่นจะถูกเลือกเป็นอันดับแรกๆ เลย แต่ถ้าสายมากแดดจะเริ่มร้อนเหมือนกันครับ

สำหรับอาหารเช้าที่นี่จะมีทั้งแบบที่เป็น ไลน์บุฟเฟ่ต์ และ แบบสั่งเป็นจาน ซึ่งอาหารที่มีลักษณะต้องทานแบบร้อนๆ หรือต้องทำสดๆ เค้าจะมีเมนูให้เราสั่งตามต้องการครับ

ดูหน้าตาอาหารเช้าบางส่วนที่พวกเราทานกันเลยดีกว่าครับ เยอะมาก และที่สำคัญรสชาติอาหารอร่อยมากๆๆๆๆๆ

สำหรับมื้อค่ำพวกเราก็ฝากท้องที่ห้องอาหารนี้เช่นเดิมครับ

แต่ช่วงมื้อค่ำขอบอกว่าตรงนี้แหละครับ บรรยากาศสวยสุดๆ ทานอาหารพร้อมชมพระอาทิตย์ตก ท้องฟ้าเปลี่ยนสีออกม่วงๆ ส้มๆ มีเรือลำเล็ก ลำน้อย ล่องผ่านไป พูดเลยครับว่าฟินน์ที่สุด ยิ่งรสชาติอาหารของที่นี่ถูกปากมากๆ มันเลยลงตัวไปหมด

ช่วงเย็น พระอาทิตย์เริ่มตก ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี

มื้อค่ำกับบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก ที่ระเบียงห้องอาหาร DIAVOLO และ Talung Thai

สำหรับคู่รักที่ต้องการดินเนอร์แบบส่วนตัว ทางรีสอร์ทเค้ามีบริการจัดพื้นที่สำหรับดินเนอร์นอกสถานที่ด้วยนะครับ หลักๆ เค้าจะมีจัดตรงบริเวณริมชายหาดใกล้ๆ กับรีสอร์ท และ ในป่ายางพารา เค้าจะจุดเทียนให้ในบริเวณนั้น พร้อมกับจัดโต๊ะสำหรับดินเนอร์ และ เชฟคอยปรุงอาหารให้ตามรายการเมนูที่สั่งไว้ ดูแล้วน่าโรแมนติกสุดๆ เลยล่ะครับ

มีอะไรให้ทำบ้างที่ ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต

ด้วยความเป็นจริงแล้วการพักผ่อนที่ภารีสา รีสอร์ท ผมแทบไม่ต้องการ activities ใดๆ เลย นอกจากการนั่งๆ นอนๆ แล้วก็ทานอาหารอร่อยๆ ภายในรีสอร์ท แต่สำหรับคนที่ต้องการหากิจกรรมทำ ที่นี่เค้าก็พอมีให้เลือกทำอยู่บ้างนะครับ เช่น ห้องฟิตเนส , ห้องสปา , สระว่ายน้ำส่วนกลางกับวิวสวยๆ , ห้องสมุด

สำหรับสระว่ายน้ำส่วนกลาง ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นแขกมาว่ายน้ำกันที่นี่เท่าไหร่ เพราะว่าที่ห้องจะมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ขนาดใหญ่กันอยู่แล้ว แต่ก็มีบ้างที่มานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่บาร์ริมสระ แล้วชมวิวสวยๆ จากตรงนี้

ในช่วงค่ำที่พื้นสระจะมีแสงไฟระยิบระยับคล้ายดาวในสระว่ายน้ำ ซึ่งเรียกว่า fiber optic lit pool

ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมมาดินเนอร์แบบส่วนตัวกันที่นี่ โดยเฉพาะคู่ที่มาสวีทกัน เพราะว่าบรรยากาศโรแมนติกมากๆ ในช่วงที่มีคนจองสำหรับดินเนอร์ ทางรีสอร์ท จะกันพื้นที่ส่วนนี้เอาไว้ให้เฉพาะแขกที่กำลังดินเนอร์เท่านั้นนะครับ

ห้องสมุดและห้องกิจกรรม

สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องที่อยู่ถัดขึ้นมาจากสระว่ายน้ำส่วนกลาง สามารถเดินถึงกันได้ ภายในห้องบรรยากาศสบายๆ ครับ มีกระจกบานใหญ่ ให้นั่งชมวิวทะเล มีหนังสือ นิตยสาร คอมพิวเตอร์ พร้อมอินเตอร์เน็ต ให้ได้นั่งเซิร์ฟหาข้อมูลกัน

The Spa by PARESA

และอีกกิจกรรมที่ถือว่ามีลูกค้าของที่นี่ให้ความสนใจกันมากอีกอย่างคือ การทำสปา เพราะว่าที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องของสปามากๆ เลยล่ะครับ ถึงขนาดได้รางวัล World Luxury Spa Awards มาครองกันเลยทีเดียว

บรรยากาศจากห้องสปา มองไปเห็นวิวสวยมากๆ โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ทำสปาไปพร้อมกับชมวิวสวยๆ ไปนั่นแหละครับ คือการพักผ่อนดุจดั่งอยู่ในสรวงสวรรค์อย่างแท้จริงเลย

ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเข้าพักที่ ภารีสา รีสอร์ท ภูเก็ต

การบริการดีเยี่ยมประทับใจมากๆ ทีมงานน่ารักให้ความใส่ใจลูกค้าทุกคน พนักงานต้อนรับสามารถเรียกชื่อลูกค้าได้อย่างถูกต้องไม่ว่าจะเดินไปเจอกันตรงไหน เพราะนี่คือนโยบายหลักอีกหนึ่งอย่างของที่นี่
ห้องพักออกแบบได้สวย วางผังได้ลงตัว
เตียงนอน นอนหลับสบายมากๆ ของใช้ภายในห้องคุณภาพดี รวมถึง amenities ภายในห้องน้ำใช้ของ Thann ซึ่งมีกลิ่นหอมมาก
แต่ขัดใจนิดนึงตรงเครื่องดื่มในตู้เย็น มีฟรีให้แค่น้ำเปล่า นอกนั้นต้องเสียเงิน
อาคารห้องพักแต่ละหลังไม่บดบังวิวกัน ทำให้ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลอันดามันได้อย่างชัดเจนและสวยงาม
อาหารอร่อยมากๆ โดยเฉพาะอาหารเช้าที่มีให้เลือกสั่งได้หลากหลาย และทำให้สดๆ
บรรยากาศภายในตัวรีสอร์ทร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่เยอะ
สระว่ายน้ำส่วนกลางสวยมากๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด โดยเฉพาะในช่วงหัวค่ำตั้งแต่ 1 ทุ่ม ตอนที่ฟ้ายังไม่มืดมาก แต่มีแสงไฟจากพื้นสระส่องเหมือนดวงดาวใต้สระ
สปาสุดยอดจริงๆ สมกับที่ได้รางวัล Best Luxury Resort Spa จาก World Luxury Spa Awards 2014
บางคนบ่นว่าบรรยากาศตรงล็อบบี้ดูแล้วอึดอัดแต่ส่วนตัวผมชอบนะ ดูสวยดี แถมเปิดเพลงสวดมนต์คลอเบาๆ ฟังแล้วสบายใจดีน่ะครับ
สุดท้ายแห่งความประทับใจคือตอนขับรถออกจากรีสอร์ท พนักงานต้อนรับมายืนโบกลา จนสุดสายตาเลย